089-923-1358
Customer Support

1. WordPress เป็นอะไรและทำงานอย่างไร?

WordPress เป็นระบบจัดการเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางด้านการเขียนโค้ดอย่างลึกซึ้ง WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโดยใช้ภาษาโปรแกรม PHP และใช้ฐานข้อมูล MySQL เพื่อจัดเก็บข้อมูล หลักการทำงานของ WordPress คือผู้ใช้สร้างและจัดระเบียบเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ผ่านหน้าแอดมิน (Admin Dashboard) ซึ่งมีหน้าต่างและเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ธีม (Themes) ในการตกแต่งรูปแบบของเว็บไซต์ ธีมเป็นเทมเพลตที่มีการจัดรูปแบบและออกแบบต่าง ๆ ให้เลือกตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอิน (Plugins) ที่ให้เพิ่มฟังก์ชันเสริมเพื่อขยายความสามารถของเว็บไซต์ เช่น ปลั๊กอินสำหรับการแสดงสไลด์รูปภาพ การแสดงความคิดเห็น หรือการจัดการ SEO เป็นต้น WordPress ยังมีคอมมูนิตี้ที่ใช้ในการสร้างบล็อก (Blog) ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งผู้ใช้สามารถเพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา และเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress ยังมีระบบการจัดการเนื้อหาที่ให้ผู้ใช้สามารถอัพเดตเนื้อหาได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีความปลอดภัยและความเสถียรสูงเพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือการทำงานของ WordPress

2. ฉันจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโค้ดหรือเว็บดีไซน์เพื่อใช้ WordPress ได้หรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโค้ดหรือเว็บดีไซน์อย่างลึกซึ้งเพื่อใช้งาน WordPress ได้ ด้วยความสะดวกและความใช้งานง่ายของ WordPress คุณสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้เฉพาะทางมาก่อน WordPress มีธีม (Themes) ที่มีการออกแบบและจัดรูปแบบเว็บไซต์ให้เลือกใช้ คุณสามารถเลือกธีมที่ตรงกับความต้องการและแบบที่คุณชื่นชอบ เมื่อติดตั้งธีมแล้ว คุณสามารถปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ด้วยตัวอย่างเช่นการเพิ่มโลโก้ การเปลี่ยนแปลงเมนู หรือการแสดงเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าแอดมินนอกจากนี้ยังมีปลั๊กอิน (Plugins) ที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันเสริมเพื่อขยายความสามารถของเว็บไซต์ได้ เช่น ปลั๊กอินสำหรับการแสดงสไลด์รูปภาพ การจัดการแบคลิงลิงก์ หรือการจัดการ SEO เป็นต้น ดังนั้น ถ้าคุณมีความสนใจและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และปรับแต่ง WordPress คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานและพัฒนาเว็บไซต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโค้ดหรือเว็บดีไซน์ล่วงหน้า

3. WordPress.org และ WordPress.com ต่างกันอย่างไร?

WordPress.org และ WordPress.com เป็นสองแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ WordPress แต่มีความแตกต่างกันดังนี้:

WordPress.org:

  1. สิทธิ์เต็มรูปแบบ: WordPress.org เป็นเว็บไซต์ทางการของโครงการ WordPress และให้คุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ WordPress ฟรีและติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณเอง
  2. การควบคุมและความยืดหยุ่น: คุณมีความเสรีที่จะปรับแต่งธีม ใช้ปลั๊กอินเพิ่มเติม และแก้ไขโค้ดตามต้องการ ซึ่งช่วยให้คุณมีการควบคุมและปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่

WordPress.com:

  1. เว็บโฮสติ้งให้บริการ: WordPress.com เป็นแพลตฟอร์มเว็บโฮสติ้งที่ให้บริการในการสร้างและโฮสต์เว็บไซต์ของคุณบนเซิร์ฟเวอร์ของ WordPress.com
  2. ความสะดวกสบาย: การใช้ WordPress.com ง่ายกว่าและไม่ต้องมีความรู้เทคนิคเท่ากับการใช้ WordPress.org คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้เร็วขึ้นและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลเซิร์ฟเวอร์

นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างอื่น ๆ เช่น:

  • การอัปเกรดและการจัดการโครงการ: ที่ WordPress.org คุณเป็นเจ้าของและมีการควบคุมเต็มรูปแบบ ในขณะที่ที่ WordPress.com คุณอาจต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติม
  • การตลาดและรายได้: การใช้ WordPress.org ช่วยให้คุณมีความเสรีที่จะกำหนดและจัดการรายได้จากเว็บไซต์ของคุณ ในขณะที่ WordPress.com อาจมีข้อจำกัดในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์

คุณควรพิจารณาความต้องการและวัตถุประสงค์ของคุณเมื่อเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress

4. ฉันสามารถหาธีม (Themes) และปลั๊กอิน (Plugins) สำหรับ WordPress ได้จากที่ต่าง ๆ ดังนี้:

  1. ที่เว็บไซต์ WordPress.org: เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ WordPress.org มีคลังธีมและปลั๊กอินที่ให้คุณเข้าถึงได้ฟรี คุณสามารถเรียกดูและดาวน์โหลดธีมและปลั๊กอินที่คุณสนใจได้ที่หน้า Themes (ธีม) และ Plugins (ปลั๊กอิน) ในเว็บไซต์
  2. ตลาดธีมและปลั๊กอินชุมชน: มีตลาดธีมและปลั๊กอินชุมชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ WordPress.org คุณสามารถค้นหาธีมและปลั๊กอินจากเว็บไซต์ชุมชนหรือร้านค้าออนไลน์ที่มีให้เลือกหลากหลาย
  3. ซื้อจากผู้พัฒนาที่อิสระ: มีผู้พัฒนาที่อิสระที่สร้างและขายธีมและปลั๊กอินของตนเองสำหรับ WordPress คุณสามารถเรียกดูและซื้อธีมและปลั๊กอินที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้จากเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ของพวกเขา

โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถค้นหาธีมและปลั๊กอินที่ต้องการจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ WordPress.org เนื่องจากมีความเชื่อถือและความเข้ากันได้ดีกับระบบ WordPress และมักมีการอัพเดตและสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอ

5. ฉันสามารถปรับแต่งธีม (Themes) ได้อย่างไร?

คุณสามารถปรับแต่งธีม (Themes) ได้ดังนี้:

  1. เลือกธีมที่คุณต้องการ: ก่อนอื่นให้เข้าสู่หน้าแอดมินของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ จากนั้นไปที่เมนู “ธีม" (Themes) ในเมนูด้านซ้าย
  2. เรียกดูและเลือกธีม: คุณจะเห็นรายชื่อธีมที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของคุณ คลิกที่ “เพิ่มเติม" (Add New) เพื่อดูธีมที่มีให้เลือก
  3. ดูตัวอย่างและเลือกธีม: คุณสามารถดูตัวอย่างธีมและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ก่อนการเลือกธีมที่คุณชื่นชอบ คลิกที่ “ตัวอย่าง" (Preview) เพื่อดูธีมในรูปแบบก่อนการใช้งาน
  4. ติดตั้งธีม: เมื่อคุณเลือกธีมที่ต้องการใช้งาน คลิกที่ปุ่ม “ติดตั้ง" (Install) เพื่อติดตั้งธีมลงในเว็บไซต์ของคุณ
  5. ปรับแต่งธีม: เมื่อธีมถูกติดตั้งแล้ว คุณสามารถปรับแต่งธีมได้โดยไปที่เมนู “การปรับแต่ง" (Customize) ที่แถบเมนูด้านซ้ายของหน้าแอดมิน
  6. บันทึกการเปลี่ยนแปลง: เมื่อคุณได้ปรับแต่งธีมตามต้องการ อย่าลืมกดที่ปุ่ม “บันทึกการปรับแต่ง" (Save & Publish) เพื่อบันทึกและใช้งานการเปลี่ยนแปลงที่คุณได้ทำ

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • คุณยังสามารถปรับแต่งธีมโดยตรงผ่านการแก้ไขไฟล์ CSS หรือไฟล์ฟังก์ชันของธีม แต่ควรทำการสำรองข้อมูลก่อนแก้ไขไฟล์เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  • หากคุณต้องการธีมที่มีคุณสมบัติเฉพาะหรือการปรับแต่งที่ซับซ้อนมากขึ้น คุณอาจต้องพิจารณาใช้ธีมที่สร้างขึ้นเองหรือซื้อจากผู้พัฒนาที่อิสระ

6. ฉันสามารถเพิ่มเนื้อหาและสร้างหน้าเว็บใน WordPress ได้อย่างไร?

ในการเพิ่มเนื้อหาและสร้างหน้าเว็บใน WordPress คุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

  1. เข้าสู่หน้าแอดมินของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยใส่ URL ของเว็บไซต์ตามด้วย “/wp-admin" (ตัวอย่างเช่น www.example.com/wp-admin)
  2. เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ใช้แอดมินของคุณ
  3. หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว ให้คลิกที่เมนู “เนื้อหา" (Posts) เพื่อเพิ่มเนื้อหาใหม่หรือแก้ไขเนื้อหาที่มีอยู่
  4. หากต้องการสร้างหน้าเว็บใหม่ ให้คลิกที่เมนู “หน้า" (Pages) และเลือก “เพิ่มหน้าใหม่" (Add New)
  5. ให้ใส่ชื่อหน้าเว็บในช่อง “ชื่อหน้า" (Page Title)
  6. เพิ่มเนื้อหาและรูปแบบหน้าเว็บตามที่คุณต้องการโดยใช้เครื่องมือแก้ไขที่มีอยู่ในหน้าเว็บ
  7. บันทึกหรือเผยแพร่หน้าเว็บที่คุณได้สร้างหรือแก้ไข

ใน WordPress คุณยังสามารถใช้งานเอดิเตอร์บล็อก (Block Editor) ที่ให้คุณสร้างเนื้อหาแบบลากวาง (Drag and Drop) และใช้บล็อกต่าง ๆ เช่น เท็กซ์ (Text), รูปภาพ (Image), แท็ก (Tag), วิดเจ็ต (Widget) เป็นต้น ซึ่งช่วยให้การสร้างและจัดรูปแบบหน้าเว็บเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

7. ฉันจะสามารถปรับแต่ง URL ของเว็บไซต์ใน WordPress ได้อย่างไร?

ในการปรับแต่ง URL ของเว็บไซต์ใน WordPress คุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

  1. เข้าสู่หน้าแอดมินของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยใส่ URL ของเว็บไซต์ตามด้วย “/wp-admin" (ตัวอย่างเช่น www.example.com/wp-admin)
  2. เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ใช้แอดมินของคุณ
  3. หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว ให้คลิกที่เมนู “การตั้งค่า" (Settings) และเลือก “การตั้งค่าเว็บไซต์" (General Settings)
  4. ในส่วนของ “ที่อยู่ WordPress (URL)" (WordPress Address (URL)) และ “ที่อยู่ไซต์ (URL)" (Site Address (URL)) ให้แก้ไข URL เป็นที่อยู่ที่คุณต้องการ
  5. คลิกที่ปุ่ม “บันทึกการเปลี่ยนแปลง" (Save Changes) เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่คุณได้ทำ

หลังจากเปลี่ยนแปลง URL ของเว็บไซต์คุณ อาจต้องปรับแต่งการตั้งค่าเพิ่มเติม เช่น การตั้งค่าโดเมน การเปลี่ยนแปลงไฟล์ .htaccess หรือปรับแต่งการเชื่อมต่อฐานข้อมูล อย่าลืมทำการสำรองข้อมูลก่อนดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

8. ฉันควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันการโจมตีและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress?

เพื่อป้องกันการโจมตีและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress คุณควรทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. อัปเดตระบบเวอร์ชัน WordPress: ตรวจสอบและอัปเดตระบบเวอร์ชัน WordPress และปลั๊กอินที่ใช้งานในเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำ เนื่องจากการอัปเดตจะช่วยแก้ไขช่องโหว่ที่เป็นจุดอ่อนของระบบและเพิ่มระดับความปลอดภัยของเว็บไซต์
  2. ใช้ธีมและปลั๊กอินที่เชื่อถือได้: สร้างหรือเลือกใช้ธีมและปลั๊กอินที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากธีมหรือปลั๊กอินที่มีช่องโหว่หรือรหัสที่ไม่ปลอดภัย
  3. สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ใช้รหัสผ่านที่ยากทานและแข็งแกร่งสำหรับบัญชีผู้ใช้ของคุณ รวมถึงผู้ดูแลระบบและผู้ใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษ แนะนำให้ใช้ผสมผสานรหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และเล็กต่างกัน ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ
  4. ป้องกันการเข้าถึงไม่ชอบด้วยการจำกัดเข้าถึง: ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน WordPress เช่น ผู้ใช้และบทบาท และการตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์ เพื่อป้องกันการเข้าถึงไม่ชอบโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
  5. สำรองข้อมูลเป็นประจำ: สำรองข้อมูลเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ เก็บข้อมูลสำรองทั้งฐานข้อมูลและไฟล์เว็บไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อให้คุณสามารถกู้คืนเว็บไซต์ได้หากเกิดปัญหาหรือการโจมตี
  6. ใช้ส่วนขยายความปลอดภัย: ใช้ส่วนขยายความปลอดภัยที่มีอยู่ใน WordPress เพื่อเสริมความปลอดภัยของเว็บไซต์ เช่น ส่วนขยายตรวจจับการแฮ็กเกอร์ (Security Plugins) และส่วนขยายการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัส (Code Security Scanner Plugins)
  7. จำกัดการเผยแพร่ข้อมูล: ตรวจสอบและกำหนดค่าการเผยแพร่ข้อมูลที่ต้องการให้เป็นสาธารณะของเว็บไซต์ อย่าเผยแพร่ข้อมูลที่สำคัญหรือต้องการความเป็นส่วนตัวไปยังบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
  8. ตรวจสอบและลบปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้: ตรวจสอบปลั๊กอินที่ติดตั้งอยู่ในเว็บไซต์และลบปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากช่องโหว่หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปลั๊กอินเหล่านั้น
  9. ตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมเข้าถึง: ติดตั้งเครื่องมือตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมเข้าถึง (Access Logging) เพื่อตรวจสอบและระบุกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบ เพื่อระบุการกระทำที่ไม่ปกติหรือไม่ได้รับอนุญาต
  10. ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย: อย่าละเลยการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยของ WordPress และเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ควรทำเป็นระบบและเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการโจมตีและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณอย่างเหมาะสม

9. ฉันสามารถเชื่อมต่อ WordPress กับโซเชียลมีเดียและเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ ได้อย่างไร?

เพื่อเชื่อมต่อ WordPress กับโซเชียลมีเดียและเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ คุณสามารถทำได้โดยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. ใช้ปลั๊กอินหรือเครื่องมือที่มีอยู่: WordPress มีปลั๊กอินหลายร้อยตัวที่สามารถช่วยในการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียและเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ อย่างเช่น Yoast SEO, Jetpack, MailChimp for WordPress เป็นต้น คุณสามารถติดตั้งและกำหนดค่าปลั๊กอินเหล่านี้ในแดชบอร์ดของ WordPress เพื่อเริ่มต้นการเชื่อมต่อ
  2. สร้างแอปพลิเคชันสำหรับโซเชียลมีเดีย: หากคุณต้องการให้ WordPress เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ คุณอาจต้องสร้างแอปพลิเคชันสำหรับโซเชียลมีเดียของคุณ โดยสร้างแอปพลิเคชันผ่านแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียที่คุณต้องการเชื่อมต่อ ตัวอย่างเช่น Facebook Developers, Twitter Developers, LinkedIn Developers เป็นต้น คุณจะได้รับคีย์ API และคีย์ลับที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน WordPress ของคุณ
  3. ตั้งค่าการเชื่อมต่อ: เมื่อคุณมีปลั๊กอินหรือแอปพลิเคชันที่จำเป็นแล้ว คุณต้องทำการตั้งค่าการเชื่อมต่อในแดชบอร์ดของ WordPress โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากโซเชียลมีเดียหรือเครื่องมือการตลาดที่คุณใช้ ขั้นตอนการตั้งค่าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปลั๊กอินหรือแอปพลิเคชันที่คุณใช้ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเอกสารหรือคู่มือการใช้งานของปลั๊กอินหรือแอปพลิเคชันนั้น ๆ

เมื่อคุณทำการเชื่อมต่อ WordPress กับโซเชียลมีเดียและเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ คุณจะสามารถแชร์เนื้อหาจาก WordPress ไปยังโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือใช้เครื่องมือการตลาดเพื่อจัดการและวิเคราะห์ผลการตลาดของเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10. ฉันจะสามารถทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (eCommerce) ด้วย WordPress ได้หรือไม่?

คุณสามารถทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (eCommerce) ด้วย WordPress ได้ ด้วยปลั๊กอิน WooCommerce ที่มีให้ใช้งานฟรีและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายใน WordPress เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสามารถให้คุณขายสินค้าและบริการออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลั๊กอินนี้มีคุณสมบัติหลากหลายเช่นการจัดการสินค้า การตรวจสอบรายการสั่งซื้อ การจัดส่งสินค้า การชำระเงินออนไลน์ และอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณสร้างร้านค้าออนไลน์ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจของคุณได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

11. ฉันควรจะปรับแต่งและดูแลเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress อย่างไรเพื่อให้มันประสบความสำเร็จในระยะยาว?

เพื่อให้เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress ประสบความสำเร็จในระยะยาว คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อปรับแต่งและดูแลเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  1. เลือกธีมที่เหมาะสม: เลือกธีมที่มีดีไซน์ที่สอดคล้องกับแบรนด์และวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์คุณ คุณสามารถเลือกธีมจากฐานข้อมูลที่มีให้ใช้งานหรือซื้อธีมพรีเมียมที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
  2. ปรับแต่งธีม: ปรับแต่งธีมให้เหมาะสมกับแบรนด์และความต้องการของคุณ ใช้ตัวเลือกและการตั้งค่าที่มีอยู่ในแผงควบคุมของธีมเพื่อปรับแต่งสี รูปแบบ และเค้าโครงทั่วไปของเว็บไซต์
  3. เพิ่มปลั๊กอินที่จำเป็น: เลือกและติดตั้งปลั๊กอินที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มฟังก์ชันและความสามารถเพิ่มเติมให้กับเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่นปลั๊กอิน SEO, ปลั๊กอินการแชร์สังคม หรือปลั๊กอินเกี่ยวกับการป้องกันความปลอดภัย
  4. สร้างเนื้อหามีคุณค่า: สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับผู้ใช้ เนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถดึงดูดและรักษาผู้เยี่ยมชมได้อย่างยาวนาน
  5. ดูแลรักษาอัพเดต: ตรวจสอบและอัพเดตธีม ปลั๊กอิน และระบบเว็บไซต์เพื่อรักษาความปลอดภัย และให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
  6. สำรองข้อมูล: สำรองข้อมูลเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ เก็บข้อมูลสำรองทั้งหมดของเว็บไซต์ที่เป็นไปได้เช่นฐานข้อมูล ไฟล์สื่อ และไฟล์รหัสที่ปรับแต่ง
  7. ตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์: ตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาปัญหาที่เป็นไปได้ เช่นความเร็วการโหลดหน้าเว็บ และประสิทธิภาพในการใช้งาน
  8. รักษาความปลอดภัย: ใช้เครื่องมือและปลั๊กอินที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยของเว็บไซต์ รวมถึงใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและอัปเดตระบบปฏิบัติการและปลั๊กอินเสมอ
  9. ตรวจสอบการประสบความสำเร็จ: วัดและติดตามผลลัพธ์ของเว็บไซต์ของคุณ ดูรายงานการวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่นจำนวนผู้เยี่ยมชม เวลาในเว็บไซต์ และการแปลงขาย เพื่อปรับปรุงและปรับแก้เว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น
  10. เรียนรู้และอัพเกรด: อัพเดตตัวเองเกี่ยวกับ WordPress และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ค้นคว้าและเรียนรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และเครื่องมือที่ใช้งานได้ในการพัฒนาเว็บไซต์

โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้และการดูแลเว็บไซต์ของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถรักษาเว็บไซต์ WordPress ของคุณให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้

About Us

ProfessWP เป็นผู้ให้บริการด้านสื่อดิจิตอลออนไลน์ครบวงจรที่ได้รับการจดทะเบียนกระทรวงพาณิชย์ เรามีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ระบบจัดการเนื้อหา CMS ( Contents Management System)  ที่ได้รับความนิยม เช่น WordPress, Joomla, Drupal, Magento, และ osCommerce ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าของเราได้มีเว็บไซต์ที่สวยงามและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังมีบริการทำตลาดออนไลน์บนโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Pinterest, YouTube และเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของกูเกิล (Google Platform) เพื่อช่วยในการโปรโมทธุรกิจสินค้าหรือบริการของลูกค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

Contact Us

089-923-1358

info@professwp.com

support@professwp.com
1
Studio 98 รามคำแหง 94 สะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240

Copyright © 2018-2023 Professwp.com  All rights reserved.